วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

น้ำดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ








น้ำดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ


กินอยู่อย่างไทย ตามแบบภูมิปัญญาไทยเพื่อบำรุงสุขภาพ โดยใช้สมุนไพรหรือผักผลไม้ที่หาได้ไม่ยากในวิถีชีวิตแบบ ไทย ๆ นำมาปรุงแต่งให้เป็นเครื่องดื่ม โดยยังคงคุณค่าตัวยาในการส่งเสริมสุขภาพหรือรักษาโรคไว้เช่นเดิม น้ำดื่ม สมุนไพ คือส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย พร้อมกับพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรเพื่อให้ยั่งยืนคู่สังคมไทย และสภาพแวดล้อมไทย ๆ ต่อไป

น้ำมะละกอ

สรรพคุณ ช่วยย่อยอาหารระบายท้อง แก้ท้องผูก
วิธีทำ
นำมะละกอสุกมาปอกเปลือก ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงไปในเครื่องปั่น ใส่น้ำตาลทรายแดงและเกลือป่น นิดหน่อย ใส่น้ำแข็ง ปั่นให้ละเอียด ดื่มได้เลย

น้ำส้มจี๊ด

สรรพคุณ
แก้ไข ขับเสมหะ แก้เจ็บคอ ลดความกระหายน้ำ ชุ่มชื่มคอ
วิธีทำ
นำผลส้มจี๊ดที่แก่จัดแต่ยังไม่สุก นำไปล้างน้ำให้สะอาด ผ่าออกแล้วบีบเอาแต่น้ำปั่นกับน้ำต้มสุก เติมน้ำเชื่อม และ เกลือป่นชิมรสตามต้องการ ใส่น้ำแข็งรับประทาน

น้ำขิง

สรรพคุณ
แก้ท้องเฟ้อ ท้องอืด ทำให้เจริญอาหาร แก้คลื่นไส้อาเจียน ช่วยขับลมได้ด้วย
วิธีทำ
นำขิงแก่มาล้างให้สะอาด แล้วทุบให้แตกใส่หม้อต้มกับน้ำสะอาด ปล่อยให้เดือดและเคี่ยวไปสักพัก จนขิงละลายน้ำเห็น เป็นสีเหลืองอ่อน เคี่ยวต่อไปอีกสัก 15 นาที ก็ยกลงแล้วใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป คนให้เข้ากัน ใช้ดื่มร้อน ๆ ก็แจ่มใส หรือจะใส่น้ำแข็งดื่มก็ชื่นใจ

น้ำตะไคร้

สรรพคุณ
แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ
วิธีทำ
ใช้ตะไคร้ทั้งราก และใบมาล้างทำความสะอาด เสร็จแล้วเอามาทุบให้แตกและตัดเป็นท่อน ๆ ใส่ลงไปในหม้อน้ำ ต้มจนเดือด และเครี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ จนเห็นน้ำตะไคร้ออกมาปนกับน้ำเป็นสีเขียวอ่อน ๆ ใส่เกลือลงไปและเคี่ยวต่อไป อีกสักพักจึงยกลงและนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง เสร็จแล้วนำแต่น้ำตะไคร้ต้มต่อไปอีก ใส่น้ำตาลทรายแดงและเคี่ยว ต่อจนน้ำทรายละลาย ยกลงและใส่น้ำแข็งรับประทานได้

น้ำหญ้าหนวดแมว

สรรพคุณ
ลดอาการปวดเมื่อย รักษาโรคไต ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา
วิธีทำ
นำหญ้าหนวดแมวมาล้างทำ ความสะอาด สับเป็นท่อนทั้ง ต้น ใบ ดอก รวมกันตากให้แห้งเสร็จแล้วเอาไปคั่ว เวลาจะรับ ประทานก็นำมาต้มจนเดือดเพื่อให้คุณค่าในหญ้าหนวดแมวออกมา เสร็จแล้วใช้ดื่มเป็นน้ำชาอุ่น ๆ

น้ำชะพลู

สรรพคุณ
แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม
วิธีทำ
นำรากกับต้นชะพลูมาล้างให้สะอาด เอามาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตากแดดให้แห้ง เสร็จแล้วเอามาต้มกับน้ำตามสัดส่วนที่ ต้องการต้มและเคี่ยมจนน้ำงวดลง ก็เอาไปดื่มเป็นน้ำสมุนไพรได้

น้ำสับปะรด

สรรพคุณ
ช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ
วิธีทำ
นำเนื้อสับปะรดมาหั่นเป็นชิ้น ๆ ใส่ลงในเครื่องปั่น ใส่น้ำตาลทรายแดง เกลือป่นน้ำแข็งทุบ เสร็จแล้วปั่นให้ละเอียด เทใส่แก้วรับประทานได้เลย

น้ำมะระขี้นก

สรรพคุณ
เป็นยาเจริญอาหาร และแก้โรคเบาหวาน
วิธีทำ
นำมะระขี้นกมาล้างให้สะอาด ผ่าซีกเอาเมล็ดออกไปให้หมด หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ นำไปตากให้แห้งสนิท เวลารับประทานให้ นำไปต้มน้ำเดือด ปล่อยให้ตัวยาละลายออกมา ใช้ดื่มเป็นชาได้อย่างวิเศษ (หากกลัวรับประทานยากเพราะขม มีวิธีแก้คือ เอาใบเตยหอมมาหั่นเป็นท่อนตากแห้ง แล้วเอามาคั่วให้เหลืองกรอบ จึงนำไปชงพร้อมกับมะระ จะกลบความขมของมะระขี้นกได้

น้ำองุ่น

สรรพคุณ
แก้กระหายน้ำ รักษาโรคหนองใส ปัสสาวะขัด เจ็บ
วิธีทำ
ใช้องุ่นม่วง ล้างให้สะอาดแช่น้ำไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง นำขึ้นมาให้สะเด็ดน้ำผ่าครึ่ง เอาเมล็ดออก นำเนื้อองุ่นไปต้มและ เคี่ยวให้เปื่อย กรองเอาแต่น้ำ ใส่น้ำตาลเกลือป่น ตั้งไฟต้มจนน้ำตาลทรายละลายเป็นใช้ได้ ใส่น้ำแข็งรับประทานชื่นใจ

น้ำแคนตาลูป

สรรพคุณ
บำรุงธาตุ ขับปัสสาวะ ขับเหงื่อ ขับน้ำนม บำรุงหัวใจ สมอง แก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ แก้กระหาย ดับพิษร้อน
วิธีทำ
นำแคนตาลูปสุกหั่นเป็นชิ้นใส่เครื่องปั่น โดยใส่น้ำต้มสุกลงไปด้วย ใส่น้ำเชื่อม เกลือและน้ำแข็ง ใส่และปั่น ดื่มเย็นใจ

น้ำมะระจีน

สรรพคุณ
แก้ตับ ม้ามพิการ บำรุงน้ำดี ขับพยาธิ แก้ปวด ตามข้อตามเข่า
วิธีทำ
ให้มะระจีนผลใหญ่ ล้างให้สะอาด เอาไส้และเมล็ดออก หั่นเอาแต่เนื้อใส่เครื่องปั่นเติมน้ำสุก ปั่นให้ละเอียด กรองเอา แต่น้ำแล้วเติมน้ำเชื่อม เกลือป่น ชิมรสตามต้องการ เวลาดื่มใส่น้ำแข็งบด ดื่มแล้วชื่นใจ
น้ำสมุนไพรแต่ละชนิดนั้นทำไม่ยากเลยใช่มั๊ยคะ นอกจากคลายร้อนแล้ว ยังมีประโยชน์อีกต่างหาก

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สุขภาพดีด้วยการออกกำลังกาย










สุขภาพดีด้วยการออกกำลังกาย

การออกกำลังกายนั้น มีประโยชน์มากมาย ทั้งในด้านการป้องกันโรค และยังเป็นการส่งเสริมสุขภาพ เช่น ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ทำให้สมรรถภาพการทำงานของหัวใจดีขึ้น รวมทั้งปอดและระบบหมุนเวียนของโลหิต กล้ามเนื้อ เอ็น เอ็นข้อต่อ กระดูก ผิวหนังแข็งแรงขึ้น ช่วยลดความเครียด ทำให้นอนหลับดียิ่งขึ้น ช่วยทำให้มีความเชื่อมั่นในตนเองยิ่งขึ้น สง่าผ่าเผย นอกจากนี้ ยังเป็นการชะลอความแก่ หรือ ช่วยให้เป็นผู้สูงอายุที่มีสุขภาพ และ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ช่วยลดเวลาที่จะต้องใช้หยุดงานจากการเจ็บป่วย โดยรวมแล้ว ยังช่วยให้ประเทศของเราอยู่ในสถานะ ประชาชนมั่งคั่ง และประเทศชาติมั่นคงได้อีกด้วย

เราควรออกกำลังกายอย่างไร
ขึ้นอยู่กับว่าต้องการให้มีพลังแบบไหน ถ้าต้องการพลัง ความอดทน ก็ควรออกกำลังแบบที่ต้องหายใจเอาออกซิเจน เข้าไปในร่างกาย ขณะออกกำลังด้วย ที่เรียกว่า การออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic Exercise) ถ้าอยากมีแรงเยอะๆในชั่วอึดใจ ควรออกกำลังกายแบบกลั้นลมหายใจ แบบที่เรียกว่า แอนแอโรบิก (Anaerobic Exercise)

การออกกำลังกายแบบ แอโรบิก(Aerobic) และ แอนแอโรบิก (Anaerobic) คืออะไร
Aerobic Exercise คือ การออกกำลังกายที่ไม่รุนแรงมาก แต่มีความต่อเนื่อง เช่น เดิน วิ่งเหยาะๆ หรือ
วิ่งทางไกล ว่ายน้ำ ถีบจักรยาน กระโดดเชือก เต้นแอโรบิก ฯลฯ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก จึงเป็น วิธีการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกายชนิดนี้ใช้ทั้งแป้งและไขมันเป็นพลังงาน จึงควรทำเป็นประจำ
Anaerobic Exercise คือ การออกกำลังกายแบบช่วยกลั้นลมหายใจ เช่น วิ่งระยะสั้น ยกน้ำหนัก เทนนิส เป็นต้น ดังนั้น ไม่ใช่ว่าการออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬาอะไรก็ได้ จะดีต่อหัวใจและหลอดเลือดเสมอไป

เราควรออกกำลังกายนานแค่ไหน
โดยทั่วไปแล้ว ควรต้องมีความต่อเนื่องกันประมาณ 20 นาที เป็นอย่างน้อย การออกกกำลังกายเพื่อสุขภาพไม่จำเป็นต้องทำมากกว่านี้ แต่ขอให้ทำอย่างสม่ำเสมอ

เราควรออกกำลังกายบ่อยแค่ไหน
อย่างน้อยควรออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจด้วย แต่ไม่ควรหักโหม ขณะนี้เป็นที่ยอมรับกันในวงการแพทย์แล้วว่า การออกกำลังกายนั้น สามารถสะสมได้ เช่น ถ้าออกกำลังกายครั้งละ 10 นาที อย่างต่อเนื่อง เช่น การเดิน วันละ 3 ครั้ง ก็จะได้ประโยชน์เช่นเดียวกับการใช้เวลาออกกำลังกาย 30 นาทีครั้งเดียว



เราควรออกกำลังกายหนักแค่ไหน
ในการออกกำลังกายแต่ละครั้งนั้น ถ้าจะให้ได้ประโยชน์ ต่อระบบหมุนเวียนโลหิต จะต้องออกกำลังกายให้หัวใจเต้นอยู่ ระหว่าง 60-80% ของความสามารถสูงสุดที่หัวใจของคน ๆ นั้นจะเต้นได้
สูตรในการคำนวณ ความสามารถสูงสุดที่หัวใจจะเต้นได้ คือ 220 – อายุเป็นปี ตัวอย่างเช่น อายุ 50 ปี ก็จะมีความสามารถสูงสุดที่หัวใจจะเต้นได้ คือ 220 – 50 = 170 ครั้ง / นาที ดังนั้น 60-80 % ของ 170 จึงเท่ากับ ชีพจรระหว่าง 102 -136 ครั้ง / นาที ซึ่งเหมาะสมสำหรับคนอายุ 50 ปี กับการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
ในความเป็นจริงแล้ว การจับชีพจร ในขณะออกกำลังกาย จะทำได้ยาก ถ้าไม่มีเครื่องวัด ดังนั้น จึงควรใช้ความรู้สึกของแต่ละบุคคล คือ ให้เกิดความรู้สึกว่าเหนื่อยนิดหน่อย พอมีเหงื่อออก แต่ยังสามารถพูดคุยกันได้ ระหว่างการออกกำลังกาย แสดงว่ายังไม่หักโหมเกินไป

การออกกำลังกายมีโทษหรือไม่
การออกกำลังกายอาจก่อให้เกิดโทษได้ ถ้าทำไม่ถูกต้อง เช่น
1. การออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสมกับอายุ เช่นผู้สูงอายุควรใช้วิธีเดิน หรือเดินเร็ว ๆ แทนที่จะไปเล่น เทนนิส แบดมินตัน ฯลฯ แม้แต่ผู้เล่นเทนนิสเท่านั้นเป็นประจำทุกวัน ยังอาจเป็นโรคหัวใจได้ ดังนั้นการออกกำลังกายต้องให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและจิตใจ ดังจะเห็นได้ ว่า การรำมวยจีน เป็นคณะ เป็นกลุ่ม จะเปิดโอกาสให้มีการพูดคุย มีเพื่อน แต่การเล่นกีฬาเพื่อแข่งขัน เพื่อจะเอาชนะ จะมีแต่ความเครียด
2. การออกกำลังกายผิดเวลา เช่น เวลาอากาศร้อนจัด จะยิ่งทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น จนอาจเป็นลมชักได้ หรือหลังการรับประทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ อาจเป็นโรคหัวใจได้ เพราะเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจขณะนั้นมีน้อย
3. การออกกำลังกายในช่วงที่ไม่สบาย เช่น ในขณะที่ท้องเสีย ร่างกายจะขาดน้ำและเกลือแร่ จึงอาจทำให้อ่อนเพลีย เป็นลม เป็นตะคริวได้ เวลาเป็นไข้ ก็ไม่ควรออกกำลังกาย เพราะอาจทำให้เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ถึงกับเสียชีวิตทันทีได้ ขอสรุปว่าถ้าไม่สบายไม่ว่าด้วยอาการใด ๆ ถึงแม้ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร ก็ควรยกเว้นการออกกำลังกายไว้ก่อน
4. การออกกำลังกายโดยไม่อุ่นเครื่องหรือยืดเส้นยืดสาย จงจำไว้ว่า ก่อนออกกำลังกาย จะต้องมีขั้นตอนการอุ่นเครื่องหรือยืดเส้นยืดสาย (warm up) ทุกครั้ง โดยไม่มีข้อยกเว้น
5. การใช้อุปกรณ์กีฬาและสถานที่ ที่ไม่เหมาะสม เช่น รองเท้า ความสั้น–ยาวของอุปกรณ์กีฬาที่ไม่เหมาะสมกับผู้เล่น รวมทั้งสถานที่ ที่ไม่ใช่ลานกีฬา สำหรับการออกกำลังกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือการบาดเจ็บได้
6. การออกกำลังกายอย่างหักโหม เช่น ถ้าวิ่งเพื่อสุขภาพ วิ่งเพียงแค่ 20 นาทีก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องวิ่งถึง 1 ชั่วโมง เป็นต้น
สุดท้าย ผมอยากจะให้ ข้อคิด ในการดูแลสุขภาพ ว่า จงยอม ” ขาดทุนเพื่อกำไร” เช่น ยอมขาดทุนการแสวงหาความสุข จากการเที่ยวเตร่ ทานเหล้า สูบบุหรี่ อดหลับอดนอน มาเป็น การออกกำลังกาย เพื่อกำไร สุขภาพ และคุณภาพชีวิตในอนาคต

10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี





10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพ


ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก

1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง

2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี

3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว

4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ

6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล

7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%

8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย

9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด

10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้

ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !!

สุขภาพจิตดี ได้อย่างไร


สุขภาพจิตดี ได้อย่างไร


" ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว” เป็นคำพูดที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ความหมายง่าย ๆ มีอยู่ในตัวอยู่แล้ว คือเมื่อเรามีสุขภาพจิตดี สุขภาพกายก็จะดีตามด้วย คนที่มีสุขภาพจิตดี ก็คือ คนที่เข้าใจตนเอง สามารถปรับตัวปรับใจได้อย่างเหมาะสมกับสังคมและสภาพความเป็นจริง เมื่อมีปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นในชีวิตก็สามารถคิดแก้ไขได้อย่างถูกวิธ ี คนที่อยากมีสุขภาพจิตดี จะต้องทำอย่างไรบ้าง เทคนิคการดูแลสุขภาพจิตให้ดีนั้นมีหลักปฏิบัติไม่ง่ายไม่ยากเกินไปดังนี้


1. ฝึกฝนจิตใจ ท่านพุทธทาสภิกขุ ได้บอกเราไว้ว่า “ใจสว่าง ใจสะอาด ใจสงบ ถ้ามีครบจึงเรียกว่ามนุสสา” ทุกคนควรหมั่นฝึกควบคุมอารมณ์และจิตใจของตนเองให้มั่นคง สุขุม เยือกเย็น มีเมตตา รู้จักให้อภัยและเข้าใจคนอื่น มองโลกในแง่ดี

2. ฝึกปรับตน รู้จักปรับความคิดของตนเองให้เป็นคนมีเหตุมีผล ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ปรับตนเองให้เข้ากับสภาพความเป็นจริงในสถานการณ์ต่าง ๆได้

3. ฝึกพิจารณาตนเอง สำรวจตนเองอยู่เสมอว่า ว่าตนองนั้นมีข้อเสียตรงไหนข้อดีตรงไหน ก็เก็บเป็นกำลังใจเพื่อพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น ส่วนข้อเสียก็ปรับปรุงแก้ไข

4. ฝึกทำตนให้เป็นประโยชน์แก่สังคม ผลการกระทำที่เกิดจากการช่วยเหลือสังคมหรือจากการกระทำคุณความดี ก็ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจ ผู้กระทำนั้นก็มีความสุขใจ ภาคภูมิใจ และยังเป็นที่ยอมรับของคนอื่นด้วย

5. ฝึกยอมรับและเข้าใจธรรมชาติของชีวิต ตามหลักพุทธศาสนาสอนว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีเกิดขึ้น ..ตั้งอยู่..และดับไป ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน จงใช้ชีวิตอย่างมีสติ และเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ การฝึกตนเองมีสุขภาพจิตดีนั้น คงไม่ยากเกินไปที่จะนำไปปฏิบัติ เริ่มต้นเสียแต่ตอนนี้ ใช้ความพยายามวักนิด คิดว่าคงไม่เกินความสามารถของแต่ละคนอย่างแน่นอน แล้วท่านก็จะเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีสุขภาพจิตดี มีชีวิตที่เป็นสุขคะ


“สร้างสุขด้วยรอยยิ้ม” “สยามเมืองยิ้ม"


เป็นคำที่คุ้นหูเราชาวไทยเป็นอย่างดี เพราะนั่นดี เอกลักษณ์ประจำชาติที่ฝากไว้ ให้เป็นความประทับใจของผู้ที่พบเห็น “ยิ้ม” เมื่อได้ยินคำคำนี้ ย่อมรู้สึกดียิ่ง เพราะอานุภาพของรอยยิ้มทำให้เราสดชื่น ทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจ บางครั้ง บรรยากาศของการทำงานรีบเร่ง หงุดหงิด วุ่นวายได้ เช่นกัน รอยยิ้มทำให้โลกสดใส รอยยิ้มทำให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้น ร้อยยิ้มทำให้มีความสุขเชื่อมั่น กับคำกล่าวต่าง ๆ ที่เมื่อฟังแล้ว ทำให้มองเห็นคุณค่าของ “รอยยิ้ม” การให้บริการรอยยิ้ม เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง เริ่มต้นจากที่ทำงาน เราคงรู้สึกไม่สบายแน่ หากเช้าที่สดใส กลับกลายเป็นบรรยากาศที่เลวร้าย เมื่อเพื่อนร่วมงานมีอารมณ์ หงุดหงิด เคร่งเครียด มองดูแล้วสับสนวุ่นวาย ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดวุ่นวายตามไปด้วย มองย้อนกลับอีกมุมหนึ่ง กับบรรยากาศตอนเช้าที่สดใส เริ่มต้นกับการทักทายด้วยรอยยิ้ม การทำงานย่อมดำเนินไปอย่างราบรื่นมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพราะทุกคนต่างสนุกสนานกับงานที่ทำไม่เคร่งเครียด และทำงานด้วยความมุ่งมั่น เต็มความสามารถ


การให้บริการผู้คน เป็นเรื่องสำคัญ เพราะผู้คนมากมาย ต่างจิตต่างใจ ดังนั้น เราควรสร้างงานบริการของเรา ให้เกิดความประทับใจแก่เขามากที่สุด รอยยิ้ม เป็นสิ่งสำคัญในการให้บริการเพราะผู้ที่มารับบริการ เขาย่อมต้องการความช่วยเหลือ ต้องการคำแนะนำหรือคำปรึกษาต่าง ๆ และคงไม่แน่เมื่อเขาเข้ารับบริการแล้ว ต้องพบกับความวุ่นวาย เคร่งเครียด หรืออาการหงุดหงิดโมโหร้าย ต่างๆ นานา ของผู้ให้บริการ หากมองย้อนกลับอีกมุมหนึ่ง เมื่อเราเป็นผู้รับบริการ เราคงไม่ต้องการพบสภาพปัญหาที่วุ่นวาย ไม่ต้องการพบคำว่าทักทายที่รุนแรง หรือการให้บริการต่างๆ การให้คำแนะนำ หรือคำปรึกษา ที่มาจากความจริงใจ ดังนั้น ร้อยยิ้มที่ดูสดใส ย่อมทำให้ผู้รับบริการประทับใจในการให้บริการ และกลับไปด้วยความสบายใจ


สภาพแวดล้อมทางสังคมดีขึ้นไปด้วย หากการให้บริการต่าง ๆ เป็นการให้บริการด้วย ร้อยยิ้ม ปัญหาวุ่นวายต่าง ๆ นานา คงลดน้อยถอยลงไป ความเคร่งเครียด สับสน วุ่นวาย อารมณ์หงุดหงิด โมโหร้ายย่อมถูกทำลายไปด้วยอานุภาพของร้อยยิ้มที่สดใส รอยยิ้ม เปรียบเสมือนแรงผลักดันที่ทำให้เรามีกำลังใจสร้างงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอให้ รอยยิ้ม อยู่คู่ไทยต่อไป และหวังว่า คงไม่มีสิ่งใดที่จะมาทำลายความเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยได้อย่างแน่นอน หากคนไทยยังมี รอยยิ้ม ให้กัน
ให้ความรักความเข้าใจก่อนที่แผ่นดินไทยจะไม่มีใครดูแล


ให้ความรัก ความเข้าใจ ก่อนที่แผ่นดินไทย จะไม่มี ใครดูแล กับคำขวัญสั้น ๆ ที่เขียนเตือนใจให้คิดถึงระเทศชาติ ยาเสพติด ภัยร้ายที่คุกคามกระจัดกระจาย และเริ่มแผ่อำนาจมืดในทุกซอกมุมสังคม จะทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดโดยเร่งด่วย เยาวชน ซึ่งถือได้ว่าเป็นมันสมองอันสำคัญยิ่งของประเทศชาติ กำลังจะถูกทำลายด้วยภัยสังคมของยาเสพติด แล้วใครละ จะเป็นผู้แก้ไข


มุมหนึ่งของสังคม กับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ย่อมเป็นสิ่งที่ท้าทายอยู่ไม่น้อยเมื่อคำขวัญเตือนใจ ข้างซองบุหรี่ ไม่ได้สร้างความวิตกกังวลต่อผู้ใช้ อิทธิพลการแผ่กระจายของยาบ้าที่เคียงคู่กันไปกับการกวาดล้างของผู้พิทักษ์สันติราษร์ หรือจะเป็นคำเตือนที่ว่า การดื่มสุราทำให้ไม่สามารถในการขับขี่ยานพาหนะลดลง แต่ดูแล้ว กลับเพิ่มประสิทธิภาพความรุนแรงในการขับเคลื่อนได้มากยิ่งขึ้น สิ่งต่าง ๆ เริมขัดแย้ง จึงทำให้เห็นคุณค่าที่ว่ายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ มากยิ่งขึ้น กอปรกับภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำย่ำแย่ เกิดปัญหาการว่างงาน ปัญหาอาชญากรรมเริ่มตามมา เมื่อปัญหาต่าง ๆ รุมล้อมกาย ผู้ที่ประสบกับปัญหาเหล่านั้น ย่อมแก้ไขปัญหาโดยการใช้ยาเสพติดเป็นที่พึ่ง จึงทำให้ผู้ติดสารเสพติดมีจำนวนมากขึ้นด้วย ดังนั้นเมื่อจำนวนผู้ใช้สารเสพติดมีจำนวนมากกว่าที่ต้องการจะทำลาย สารเสพติด ย่อมให้กำลังใจจากผู้ใช้มากขึ้น แล้วผลกระทบมาคืออะไร


เชื่อว่า หลายต่อหลายคน คงไอยากเสียคนที่ตนรัก หลายต่อหลายคน คงไม่อยากเสียน้ำตาให้กับยาเสพติด อย่าคิดว่าปัญหายาเสพติด ไม่ใช่เรื่องที่ตนต้องแก้ไข อย่าเห็นว่าปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องเล็กน้อย ใครจะติดติดไป ใครจะตายช่างมัน แล้วถ้าหากลองมองย้อนกลับไป เมื่อผู้ใช้สารเสพติด เป็นคนที่เรารัก เป็นคนที่เราห่วงใย เป็นบุตรหลาน ญาติพี่น้องของเรา แล้วเราคงไม่ต้องเสียน้ำตาให้กับยาเสพติดหรือก่อนที่สังคมไทยจะถูกทำลาย ก่อนที่ เยาวชน ซึ่งถือได้ว่าเป็นมันสมองอันสมองของประเทศชาติ จะตกเป็นทาสของยาเสพติด ให้ความรัก ความห่วงใย ความเข้าใจ เขาเหล่านั้นสักนิดหยุดคิด ร่วมแก้ไขปัญหา อย่าให้คนที่ต้องเสียน้ำตาให้กับยาเสพติดคนต่อไป ต้องเป็นคุณ

ความสวยงาม เริ่มต้นที่อารมณ์จิตใจที่ดี


ความสวยงาม เริ่มต้นที่อารมณ์จิตใจที่ดี


การสร้างเสริมอารมณ์จิตใจที่ดี เป็นหัวใจสำคัญข้อหนึ่งของการมีสุขภาพที่ดี และความสวยงาม แพทย์แผนจีนให้ความสำคัญของปัจจัยการก่อโรคที่เป็นผลจากภายใน คือความไม่สมดุลของอารมณ์ทั้ง ๗
ตัวอย่าง คำบอกเล่าที่สืบต่อกันมาเกี่ยวกับเรื่องของ อารมณ์ เช่น
“หัวเราะบ่อย อายุร้อยปีก็นับว่าน้อยไป”
“คิดกังวลมากไป ทำให้เลือดของหัวใจถูกทำลาย ผมจะหงอกและขาวง่าย”
“ห่างไกลการขี้ระแวงสงสัย พลังไตจะไม่ถูกทำลาย ผมก็จะไม่หงอกขาว”
“ความโกรธจะทำให้สูญเสียชี่(พลัง)”
“การครุ่นคิดกังวลมากเกิน จะทำลายความมีชีวิตชีวาและจิตวิญญาณ การสูญเสียทั้งพลังและจิตวิญญาณ เป็นสาเหตุของการ เกิดโรคและความแก่เกินวัย”

ผลของอารมณ์มักแสดงออกที่ใบหน้า จึงมีผลต่อสภาพของใบหน้าโดยตรง และมีผลต่อสุขภาพโดยรวมของร่างกายควบคู่ไปด้วย การมองหน้าจะรู้ถึงจิตใจ รู้ถึงโรคภัยไข้เจ็บ จึงมีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงภาวะความสวยงามที่ปรากฏให้เห็นบนใบหน้า มีพื้นฐานจากภาวะความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายและจิตใจนั่นเอง

เคล็ดลับของการสร้างความสวยงามบนสุขภาพจิตที่ดี

๑. ใจสงบ รู้จักควบคุมอารมณ์ การกระทบกระเทือนของ จิตอารมณ์ การแกว่งของอารมณ์ทำลายจิตวิญญาณทำลายร่างกาย และความสวยงามทั้งโดยตรงและโดยอ้อม การเพิ่มความสมบูรณ์ของจิตวิญญาณและการมีชีวิตชีวาเป็นพื้นฐานของการปรับสมดุลของร่างกาย การปรับสมดุลของร่างกาย คือ การปรับเปลี่ยนหน้าที่การทำงานในการตอบสนองต่อสิ่งเร้า ไม่ว่าจากปัจจัยภายนอกและภายใน การปรับตัว การควบคุมกลไกของระบบภายในร่างกาย(การ สร้างและควบคุมการสร้าง) การฟื้นฟูและซ่อมแซมสิ่งที่สึกหรอของร่างกาย ถ้าปราศจากสุขภาพจิตที่ดี ก็จะขาดพื้นฐานการสร้างกลไกในการปรับสมดุลของร่างกายนั่นเอง

๒. ใช้ปัญญาและการไตร่ตรองในสิ่งที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ จะสร้างสุขและสร้างอายุวัฒนะ
การไม่คิดอะไรเลยกับการคิดวิเคราะห์ กังวลมากเกินไป เป็นด้านสองด้านที่ตรงข้ามกันอย่าง สุดกู่
การรู้จักหยุดคิดและการคิดอย่างมีสติ มีประโยชน์ เป็นสิ่งที่ไม่ขัดแย้งกัน แต่ต้องรู้จักปรับใช้กันอย่างเหมาะสม คนสมัยโบราณมักเสาะหาแพทย์จีนที่สูงอายุ มีประสบการณ์นานปี โดยมีความเชื่อว่าแพทย์จีนยิ่งสูงอายุยิ่งดี นับว่าเป็นเหตุผลที่จริงอยู่พอสมควร ทั้งนี้เนื่องจากแพทย์จีนที่สูงอายุและมีประสบการณ์การรักษาโรคมานาน นอกจากจะเป็นแพทย์ที่ตรวจวินิจฉัย รักษาโรคมามากในกระบวนการวางแผนการเขียนตำรับยาและตัวยาต่างๆ ต้องผ่านการขบคิดไตร่ตรองอย่างวิภาษ(การพูดที่แตกต่าง พูดแย้ง) พลิกแพลง ตามสภาพการณ์ต่างๆของผู้ป่วย รวมถึงการแนะนำ ช่วยเหลือการปฏิบัติตน เพื่อการ พ้นจากความทุกข์ ความเจ็บป่วย การกระทำที่ต่อเนื่องยาวนานในการค้นคิด สร้างสรรค์วิธีการรักษา ผู้ป่วยร่วมกับการกระทำตนเพื่อช่วยเหลือ หรือสร้างประโยชน์แก่ผู้อื่น ซึ่งเป็นพื้นฐานการสร้างความคิดที่ดีงาม และสร้างเสริมสุขภาพ
ความคิด การศึกษาเรียนรู้ที่ขาดคุณธรรมจะสร้างความเครียด และทำลายสุขภาพ รวมทั้งการทำลายความอ่อนวัยและความสวยงาม ที่ปรากฏบนใบหน้า

๓. ควบคุมความโกรธ ผ่อนคลายการอัดอั้นใจสามารถขจัดโรคได้ ได้เคยกล่าวไว้ในเรื่องอารมณ์ทั้ง ๗ กับการเกิดโรคมาแล้ว การควบคุม อารมณ์ที่ดีที่สุด คือการใช้สติปัญญา และสร้างอารมณ์พิชิตอารมณ์
“อารมณ์ทั้งปวงที่แปรปรวนผิดปกติ จะทำลายจิตวิญญาณ ทำลายการไหลเวียนของเลือดลม ทำลายอวัยวะภายในและก่อเกิดโรค” มีรากฐานที่เชื่อมโยงอารมณ์กับสรีระสภาพและอวัยวะภายในเข้าด้วยกันดังนี้

หัวใจ ควบคุมจิต ความคิด ควบคุมชีพจร การไหลเวียนเลือดเกี่ยวข้องกับอารมณ์ดีใจ มีทวารเปิดที่ลิ้น แสดงออกที่ใบหน้า
ตับ สะสมเลือด ควบคุมการไหลเวียนไม่ให้อุดกั้น(อารมณ์อุดกั้น การย่อยดูดซึมติดขัด พลังเลือดอุดกั้น) ควบคุมเกี่ยวกับเอ็น เกี่ยวข้องกับอารมณ์โกรธ มีทวารเปิดที่ตา แสดงออกที่เล็บ
ม้าม ควบคุมการลำเลียงอาหาร การแปรเปลี่ยนอาหารเป็นสารอาหารเพื่อการดูดซึม ควบคุมกล้ามเนื้อแขนขาทั้ง ๔ เกี่ยวข้องกับอารมณ์วิตกกังวล มีทวารเปิดที่ปาก แสดงออกที่ริมฝีปาก ปอด กำหนดพลัง ควบคุมการ หายใจและกระจายพลังสู่เบื้องล่างให้กับไต กระจายน้ำ เกี่ยวข้องกับอารมณ์โศกเศร้าเสียใจ มีทวารเปิด ที่จมูก แสดงออกที่ผิวหนังและขน
ไต ควบคุมสารจิง* ควบคุมน้ำ การเก็บกักพลังที่ส่งมาจากปอด เกี่ยวกับการสร้างกระดูกไขสันหลัง (เกี่ยวข้องกับอารมณ์กลัว ตกใจ) ทวารเปิดที่อวัยวะเพศและทวารหนัก รวมทั้งหู ๒ ข้าง แสดงออกที่ผมบนศีรษะ อารมณ์ที่มีความสำคัญมากที่สุด ที่ต้องควบคุมคือ อารมณ์โกรธ และต้องผ่อนคลายอารมณ์ ระบายความอัดอั้นในใจออกมา

๔. มองโลกในแง่ดี, สุขนิยม การทำงานอะไรต้องไม่ฝืนความรู้สึก ไม่คิดในสิ่งที่ให้โทษต่อผู้อื่น มองการเปลี่ยนแปลงของภาวะการณ์ต่างๆในด้านที่ดี ยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น อย่าปล่อยให้อารมณ์ถูกแปรเปลี่ยนไปกับสิ่งกระตุ้น อย่าถือเรื่องเล็กมาเป็นสาระ รู้จักปล่อยวาง ปล่อยจิตใจให้มีความ สุขพร้อมเผชิญกับปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นอย่างไม่ประมาท ด้วยภาวะจิตที่เป็นสุข จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างมีสติ ยืนหยัด และมั่นคง

เทคนิคนอนหลับให้เพียงพอ เพื่อบุคลิกสดใส สุขภาพแข็งแรง





เทคนิคนอนหลับให้เพียงพอ เพื่อบุคลิกสดใส สุขภาพแข็งแรง



การนอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด ช่วยให้คุณสดชื่น สุขภาพดีทั้งกายและใจ
การพักผ่อนที่ดีที่สุด คือการนอนหลับ หากนอนหลับไม่เพียงพอ หรือนอนไม่หลับบ่อยๆ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว อ่านเคล็ดลับ เทคนิคต่างๆ จากคุณชลิตา เถาวน์ชาลี ตันติพิภพ อดีตนางสาวไทยที่ช่วยให้คุณพักผ่อนนอนหลับสบายค่ะ
เมื่อคุณนอนหลับไม่เพียงพอ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ การอดนอนบ่อยๆ มีผลต่อภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง จึงไม่สามารถกำจัดแบคทีเรียได้ และก่อให้เกิดโรคร้ายแรงๆ ทั้งยังส่งผลเสียต่อสภาพผิวพรรณอีกด้วยค่ะ
•สูญเสียโอกาสที่ร่างกายจะหลั่งโกร๊ธ ฮอร์โมน (Growth Hormone) ในขณะหลับ ซึ่งโกร๊ธ ฮอร์โมนจะช่วยให้คุณดูอ่อนเยาวน์ สร้างสมดุลระบบการเผาผลาญอาหาร และซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ดังนั้น หากขาดฮอร์โมนชนิดนี้ ผิวหนังจะหย่อนคล้อยและเหี่ยวย่น
•ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง ทำให้ไม่สามารถกำจัดแบคทีเรียได้ ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงต่างๆ
•ระบบการย่อยผิดปกติ โดยร่างกายจะต้องใช้เวลามากขึ้นถึง 40 เปอร์เซนต์เพื่อจัดการกับระดับน้ำตาลในเลือดหลังกินคาร์โบไฮเดรต การมีระดับน้ำตาลสูงค้างในเลือดนานๆ จะทำให้แก่เร็ว
•หากอดนอน 1 คืน เซลล์ที่เป็นป้อมปราการต้านเนื้องอกจะอ่อนแอลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง ทั้งยังทำให้ความจำและการทำงานของสมองแย่ลง
•หากอดนอนนาน 1 สัปดาห์ (กรณีนอนวันละ 4 ชั่วโมงโดยประมาณ) ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่จำเป็นในการควบคุมปริมาณกล้ามเนื้อและไขมันน้อยลง ทำให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น
อาหารที่ช่วยให้คุณนอนหลับสบาย
ในแต่ละวันควรได้รับคาร์โบไฮเดรตชนิดดีราว 60-65 เปอร์เซนต์ จากมันเทศ เผือก กลอย ถั่วต่างๆ ผลไม้ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต และผลิตภัณฑ์โฮลเกรนต่างๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายผลิตเซโรโทนิน ที่ทำให้หลับสบาย การดื่มนมอุ่นๆ ก็ช่วยให้หลับง่ายๆ เช่นกัน การวิจัยพบว่า เมลาโทนิน (Melatonin) ที่มีในนมวัว ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
สำหรับคนนอนหลับยาก ควรงดกาแฟ น้ำอัดลม ช็อกโกแลต ขนมขบเคี้ยว และทอฟฟี่ เพราะคาเฟอีนจะกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว ทำให้นอนหลับได้ยาก แนะนำให้ดื่มชาคาโมมายด์อุ่นๆ ก่อนนอน เพื่อทำให้ใจสงบ และหลับง่าย

สารพัดวิธีที่ช่วยทำให้นอนหลับได้สนิท

การเลือกออกกำลังกายในช่วงเย็นช่วยให้หลายคนรู้สึกเหนื่อย และหลับง่ายขึ้น การแช่น้ำอุ่นหยดน้ำมันหอม เช่น ลาเวนเดอร์ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หรือหยดน้ำมันหอมลาเวนเดอร์ 2-3 หยด ก็จะช่วยให้หลับสบายขึ้น
การผ่อนคลายร่างกาย เช่น อาบน้ำอุ่น ฟังเพลงสบายๆ หรือยืดเส้นยืดสาย ช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดรฟีน ทำให้หายเครียดและนอนหลับได้สบายยิ่งขึ้น
จัดบรรยากาศห้องนอนให้มืดสนิท อุณหภูมิที่ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป พยายามเข้านอนช่วง 4 ทุ่มและตื่นเช้า เพื่อให้ร่างกายได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ และรู้สึกสดชื่นในตอนเช้า

เทคนิคทำให้นอนหลับสบาย


เพื่อให้เซลล์ผิวฟื้นฟูได้ดีขึ้น คงความอ่อนเยาว์ และสุขภาพที่แข็งแรง คือ

1. นอนหงาย หยุดความคิดไว้ที่ร่างกายตนเอง
2. เริ่มต้นเกร็งและผ่อนคลายเท้าสองข้างสลับกัน แล้วค่อยๆ ขยับขึ้นมาจนถึงศีรษะ
3. เมื่อมาถึงศีรษะ ให้เกร็งและผ่อนคลายทุกอวัยวะ (ขากรรไกร ดวงดา หน้าผาก)
4. กดศีรษะลงกับหมอนและนอนหลับอย่างผ่อนคลาย
5. หากยังไม่หลับ ตั้งสมาธิกับการหายใจให้ลึกและยาว เว้นจังหวัะเล็กน้อยระหว่างหายใจเข้าและออก ช่วยให้สมองปรอดโปร่ง รู้สึกผ่อนคลาย

ปฏิทินของฉัน

สอนการลดน้ำหนักด้วยโยคะ Fat Burning Yoga

Favorite music.

การขอแต่งงานที่น่ารักที่สุดในโลก

Music profoundly



ทำดีได้ดี

ครอบครัวสุขสันต์

งานราตรีสีชมพูอมส้ม